วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สุขสันต์วันเกิด "เอสเอ็มเอส" ครบรอบ 20 ปี

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครจินตนาการออกว่าการส่งข้อความทางโทรศัพท์นั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร กระทั่ง 20 ปีที่แล้ว ได้มีวิศวกรชาวอังกฤษรายหนึ่งได้คิดค้นวิธีการส่ง"ข้อความสั้น" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เอสเอ็มเอส" (Short Message Service) มันยังคงเป็นวิธีการสื่อสารที่ยังมีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมกระทั่งปัจจุบัน
ข้อความทางโทรศัพท์ข้อความแรกของโลก ถูกส่งออกไปเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 1992 จากนายนีล แพ็พเวิร์ธ วิศวกรชาวอังกฤษ ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 22 ปี ที่ส่งข้อความสั้นจากคอมพิวเตอร์ของเขาไปยังมือถือ Orbitel 901 ของเพื่อน และข้อความแรกที่ส่งไปก็คือคำว่า "เมอร์รี่ คริสต์มาส" และนับตั้งแต่นั้น ผู้คนก็ได้เรียนรู้ที่จะสื่อสารหากันผ่านการส่งข้อความ 160 ตัวอักษรได้สำเร็จ
ผลการวิจัยของ Ofcom ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมและกำกับดูแลด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมการสื่อสารของอังกฤษ พบว่า ชาวอังกฤษส่งเอสเอ็มเอสเฉลี่ย 50 ข้อความต่อสัปดาห์ ขณะที่เด็กวัย 12-15 ปี ส่งเอสเอ็มเอสเฉลี่ย 193 ครั้งต่อสัปดาห์
ตามรายงานการตลาดประจำปี 2012 ของ Ofcom ระบุว่า กว่า 90% ของประชากรอายุระหว่าง 16-24 ปี ใช้การส่งเอสเอ็มเอสในชีวิตประจำวันเพื่อติดต่อกับเพื่อนและครอบครัว ส่วนในกลุ่มเด็กหญิง อายุระหว่าง 12-15 ปี พบมีการส่งเอสเอ็มเอสถึง 221 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งมากกว่าเด็กชายในวัยเดียวกันถึง 35% ซึ่งส่งเพียง 164 ครั้ง ส่วนในเด็กวัย 8-11 ปี มีการส่งเอสเอ็มเอสถึง 41 ครั้งต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นเกือบ 23 เท่าจากปีก่อน
แพ็บเวิร์ธ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ของอังกฤษผ่านทางอินเตอร์เน็ตในโอกาสครบรอบ 20 ปีของการส่ง SMS ครั้งนั้นว่า เขาไม่คิดเลยว่าการส่งข้อความของเขาครั้งนั้นจะกลายเป็นเรื่องสำคัญยิ่งใหญ่อย่างนี้
เขาบอกว่า การส่งข้อความทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมากและพัฒนาได้ดีขึ้น เขาเล่าว่าตอนนั้นเขาทำงานอยู่ที่บริษัทซีม่า โดยเป็นส่วนหนึ่งของทีมพัฒนาศูนย์บริการส่งข้อความสั้น ให้กับบริษัทลูกค้า Vodafone UK
อย่างไรก็ดี Ofcom ระบุว่า ยอดการส่งเอสเอ็มเอสในอังกฤษ ประเทศบ้านเกิดของเอสเอ็มเอส มีอัตราลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วมากกว่า 1 พันล้านข้อความ จากยอดสูงสุดเมื่อสิ้นปีที่แล้วที่ 39,700 ล้านข้อความ เมื่อช่วงสิ้นปี 2011 เหลือเพียง 38,500 ล้านข้อความ เช่นเดียวกับในสหรัฐฯ
นายเจมส์ ธิคเก็ตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Ofcom กล่าวว่าเป็นครั้งแรกที่ปริมาณการส่งเอสเอ็มเอสส่งสัญญาณถึงความเสื่อมถอย ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการแพร่หลายของบริการส่งข้อความชนิดอื่น และสื่อสังคมออนไลน์ อาทิ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ รวมถึงบริการ WhatsApp, แบล็คเบอร์รี เมสเซนเจอร์, ไอเมสเซนเจอร์, กูเกิล ทอล์ค และเอ็มเอสเอ็น
รายงานชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและไม่สามารถคาดการณ์ได้ และไม่มีใครจินตนาการได้ว่าการสื่อสารในอีก 20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุด ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เอสเอ็มเอสก็ได้เปิดรูปแบบใหม่ให้แก่การสื่อสารของคนทั่วโลก ที่นำไปสู่การพัฒนารูปแบบการส่งข้อความในยุคปัจจุบัน
ที่มาของบทความ www.matichon.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น